เปิดทำการ จันทร์-เสาร์ เวลา 07.30 - 17.00 น.
สามารถสอบถามได้ทาง Line : @kpphm 

ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิจเพิ่มพูลค้าวัสดุก่อสร้าง    

 
TH EN

สีย้อมไม้ฝา_SCG

หมวดหมู่สินค้า: อุปกรณ์ สมาร์ทวูด
รหัส :
ราคา 450บาท

25 มกราคม 2565

ผู้ชม 726 ผู้ชม

 

 

 

No. ชื่อสินค้า น้ำหนัก(Kg.) เลขสินค้า         ราคา        (บาท)      หน่วย
1 สีย้อมไม้ฝา_SCG  รองพื้นครีม 3.5 8852404028201             450.00  บาท/กระป๋อง 
2 สีย้อมไม้ฝา_SCG  มะฮอกกานี สูตรเงา 3 8852404028218             950.00  บาท/กระป๋อง 
3 สีย้อมไม้ฝา_SCG  ไม้แดง สูตรเงา 3 8852404028225             950.00  บาท/กระป๋อง 
4 สีย้อมไม้ฝา_SCG  น้ำตาลไม้โอ๊ค สูตรเงา 3 8852404028232             950.00  บาท/กระป๋อง 
5 สีย้อมไม้ฝา_SCG  มะฮอกกานี สูตรด้าน 3 8852404054286             950.00  บาท/กระป๋อง 
6 สีย้อมไม้ฝา_SCG  น้ำตาลไม้โอ๊ค สูตรด้าน 3 8852404054293             950.00  บาท/กระป๋อง 
7 สีย้อมไม้ฝา_SCG  เนเชอรัลบีช สูตรด้าน 3 8852404054279             950.00  บาท/กระป๋อง 

 

“แนะนำการย้อมสีไม้สมาร์ทวูดแบบ step by step”

ช่างผู้รับเหมาส่วนใหญ่คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าจะทาสีผนังก่ออิฐฉาบปูนก็จะต้องใช้สีน้ำอะคริลิค หรือถ้าจะทาสีให้กับเหล็กก็จะต้องใช้สีน้ำมัน หรือถ้าเป็นไม้ก็จะต้องใช้สีย้อมไม้ แต่ถ้าจะถามว่าถ้าไม้สังเคราะห์ควรจะต้องใช้สีอะไร? ช่างหลายคนอาจจะคิดว่าคำตอบก็คือสีน้ำอะคริลิค แต่อันที่จริงแล้วสีที่เหมาะสำหรับทาไม้สมาร์ทวูดมากที่สุดก็คือ “สีทาไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์” ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเนื้อไม้สังเคราะห์ถูก เคลือบด้วยเส้นใยเซลลูโลสเพื่อให้มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าไม้ ดังนั้นไม้สังเคราะห์จึงต้องการสีที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ดีกว่าสีธรรมดาทั่วไป

สีทาไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นสีน้ำอะคริลิคแท้ 100% ใช้เทคโนโลยี (จากประเทศเยอรมัน) ที่พัฒนาขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์โดยเฉพาะ ที่จะช่วยให้เนื้อสีสามารถแทรกซึมผ่านเส้นใยเซลลูโลสเข้ายึดเกาะกับเนื้อใน ของไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ จึงทำให้สีติดคงทนได้ดีกว่าสีทั่วไป ทนต่อแสงยูวี ไม่หลุดล่อนง่าย ไม่มีกลิ่นฉุน สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งมีขนาดบรรจุ 1 กิโลกรัมต่อกระป๋อง

นอกจากนี้หากช่างผู้รับเหมาต้องการทำสีไม้สังเคราะห์ให้ดูเหมือนไม้จริง ก็สามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยการใช้ “สีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์” ซึ่งเป็นน้ำอะคริลิคแท้ 100 % ชนิดโปร่งแสง ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับสีทาไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์แต่มีความแตกต่างกันตรง ที่ เมื่อย้อมสีไม้สังเคราะห์เรียบร้อยแล้ว เนื้อฟิล์มสีที่มีความโปร่งแสง จะทำมองเห็นเนื้อไม้สังเคราะห์ซึ่งดูเหมือนไม้จริงๆ ตามธรรมชาติ สามารถใช้ย้อมได้ทั้งไม้ฝา ไม้ระแนง และไม้รั้ว (หรือบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ต่างๆ) แต่หากต้องการย้อมไม้พื้น ช่างผู้รับเหมาควรใช้ “สีย้อมไม้พื้นไฟเบอร์ซีเมนต์” ซึ่งเนื้อฟิล์มสีจะมีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่าสูตรทั่วไป ซึ่งมีหลายเฉดสีให้เลือก อาทิเช่น สีน้ำตาลไม้โอ๊ค, สีมะฮอกกานี เป็นต้น ซึ่งสีย้อมไม้ 1 แกลลอน (บรรจุ 3.785 ลิตร หนัก 3.5 กิโลกรัมต่อ 1 แกลลอน) สามารถทาพื้นที่ได้ประมาณ 30 – 50 ตารางเมตร



สำหรับขั้นตอนและวิธีการทาสีหรือการย้อมสีไม้ที่ถูกต้องก็มีวิธีการดังต่อไปนี้
1.    หลังจากติดตั้งไม้สมาร์ทวูดแล้ว ให้ทำการเก็บรายละเอียดโป๊วเก็บหัวสกรูด้วยกาวยาแนวอะคริลิค และทำความสะอาดพื้นผิวไม้สมาร์ทวูดให้ปราศจากฝุ่น
2.    กวนสีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ให้เข้ากัน หากสีมีความหนืดมากเกินไปสามารถผสมน้ำได้ประมาณ 5 – 10% โกรกสีจนเนื้อสีเข้ากัน จากนั้นให้ทาสีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ 1 เที่ยว ตามความยาวไม้ หลังจากนั้นปล่อยให้สีแห้ง
3.    เมื่อสีให้ให้ทาสีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์อีกครั้ง รอเวลาจนสีแห้ง และทำการตรวจสอบดูว่าได้ความเข้มสีของเนื้อไม้ตามต้องการแล้วหรือยัง หากยังไม่พอก็สามารถลงสีย้อมไม้ได้อีกเที่ยว เพื่อให้ได้ความเข้มสีตามต้องการ

ไขข้อข้องใจ สีย้อมไม้ กับ สีทาไม้ ต่างกันอย่างไร เลือกใช้อย่างไรให้ตรงจุด?

 

หากคุณกำลังสงสัย หรือมองหาความแตกต่างระหว่าง สีย้อมไม้ และ สีทาไม้ เพื่อการใช้งานที่ตรงจุดมากขึ้นแล้วละก็ วันนี้ เรามีข้อแตกต่างและคุณสมบัติมาจำแนกให้เห็นกันอย่างละเอียด

มาดูกันว่า หากจะเลือกใช้สีสำหรับงานไม้ ต้องเลือกซื้อสีประเภทใด ใช้กับงานแบบใด จึงจะตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด    

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับสีทั้งสองประเภทนี้กันครับ

 

สีย้อมไม้คืออะไร

ในวงการก่อสร้างและตกแต่ง "สีย้อมไม้" มักจะหมายถึง "สีย้อมไม้วูดสเตน (Wood Stain) ที่มีฟิล์มสีโปร่งใส (ใสและมีสี : Transparent) ใช้สำหรับทาไม้ เพื่อรักษาสภาพเนื้อไม้ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หรือ ทาเพื่อซ่อมแซมให้งานไม้ที่ดูเก่า และทรุดโทรม กลับมามีสีสันสดใสเหมือนใหม่อีกครั้ง โดยเมื่อทาทับลงไปบนเนื้อไม้แล้ว ยังคงเห็นเนื้อไม้และลวดลายเดิมอยู่

สีย้อมไม้ นิยมใช้กับงานภายนอก หากนำไปใช้กับงานพื้นไม้ จะใช้ "สีย้อมพื้นไม้" หรือที่เรียกกันว่า Decking Stain
 

คุณสมบัติเด่นของสีย้อมไม้
1. ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ ทนทานต่อสภาพอากาศ
2. ใช้ปกป้องพื้นผิวของไม้ให้มีความสวยงาม ยืดอายุของไม้ให้ยาวนานขึ้น
3. กันน้ำซึมเข้าสู่เนื้อไม้ แต่ปล่อยให้น้ำระเหยออกจากเนื้อไม้ด้วย (สีทาไม้กันน้ำทั้งเข้าและออก แต่น้ำจะเข้าทางปลายไม้ ทำให้ไม้ผุอยู่ข้างในโดยสังเกตได้ยาก)
4. สีย้อมไม้มีความยืดหยุ่น เหมาะกับเนื้อไม้ที่ไม่ว่าจะยืด หรือหดตัว สีย้อมไม้ก็สามารถแทรกซึมเข้าไปได้

 

 
สีย้อมไม้ VS สีทาไม้
 
 

สีย้อมไม้ VS สีทาไม้

  

สีย้อมไม้มีสูตรอะไรบ้าง

1. สีย้อมไม้สูตรน้ำ เป็นสีย้อมไม้ที่ไม่ต้องผสมอะไรเพิ่มก็สามารถนำไปใช้งานได้เลย หรืออาจผสมน้ำเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย เมื่อทาลงไปบนงานไม้แล้วเนื้อฟิล์มจะมีความคงทนยึดเกาะกับไม้ได้ดี แห้งเร็ว และไม่มีกลิ่นฉุน เป็นสีที่มีความปลอดภัยสูง

2. สีย้อมไม้สูตรน้ำมัน โดยทั่วไปเป็นสีที่ต้องนำมาผสมกับทินเนอร์ก่อนใช้งาน ส่วนใหญ่แล้วจะผสมด้วยอัตราทินเนอร์ประมาณ 10% ต่อปริมาณสีที่ใช้  แต่สำหรับผลิตภัณฑ์สีย้อมไม้ (สูตรน้ำมัน) ของ "Solignum Timbertone" จะแตกต่างจากสูตรทั่วไป เพราะเป็นสูตรพร้อมใช้ในขั้นตอนเดียว โดยไม่ต้องผสมกับสารใดๆ อีก ทำให้ใช้งานได้สะดวก เมื่อทาทับลงบนงานไม้แล้วจะซึมลึกเข้าสู่เนื้อไม้ จึงเหมาะกับทั้งงานภายในและภายนอก เนื่องจากมีความทนทานต่อแสงแดด ลม และฝนได้ดีกว่า ซึ่งสีที่ได้หลังทาทับลงบนเนื้อไม้ จะค่อนข้างตรงกับสีที่เลือกไว้ ทับเพียง 2 ครั้งก็จะได้สีไม้ที่สวยตามต้องการ

 

วิธีการเลือกสีย้อมไม้นอกจากจะต้องเลือกระหว่างสูตรน้ำกับสูตรน้ำมันแล้ว เรายังต้องเลือกความเงา-ด้านของสีที่จะใช้ด้วย เพื่อให้เห็นลายไม้เดิมซึ่งสวยงามตามต้องการ

ประเภทของสีย้อมไม้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

1. สีย้อมไม้แบบใส (สีย้อมไม้แบบโปร่งแสง)

2. สีย้อมไม้แบบเงา (สีย้อมไม้แบบกึ่งโปร่งแสง)

3. สีย้อมไม้แบบกึ่งเงา (สีย้อมไม้แบบกึ่งเงากึ่งด้าน)

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับสีย้อมไม้ 

  • การทาสีประเภทนี้ต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์เพราะต้องทาอย่างต่อเนื่อง (มิฉะนั้นจะเห็นรอยทาบต่อOverlap)  โดยต้องทารีดสีไปตามลายไม้และหมั่นกวนสีในกระป๋องอยู่เสมอและควรทาทั้ง 6 ด้านของชิ้นงานด้วย
  • ทาโดยไม่ต้องรองพื้นใดๆ และห้ามใช้สีประเภทอื่นทับหน้าด้วย
  • เฉดสีที่ได้อาจจะไม่ตรงกับใน Catalog เพราะขึ้นอยู่กับสีของเนื้อไม้และจำนวนครั้งที่ทา (หากทาซ้ำบ่อยๆ สีก็จะเข้มขึ้นทีละน้อย)
  • สีประเภทนี้หากอยู่กลางแจ้งจะมีอายุการใช้งานประมาณ 2-4 ปี (สีเข้มจะมีอายุนานกว่าสีอ่อน) โดยเมื่อเริ่มเห็นฟิล์มสีชั้นบนเริ่มเสื่อมสภาพควรทำการปรับปรุงทาซ่อมแซมโดยใช้กระดาษทรายละเอียดขัดลูบแล้วทาทับหน้าใหม่สามารถทำเช่นนี้ได้ 2 - 3 ครั้ง

ตรงจุด?

 

หากคุณกำลังสงสัย หรือมองหาความแตกต่างระหว่าง สีย้อมไม้ และ สีทาไม้ เพื่อการใช้งานที่ตรงจุดมากขึ้นแล้วละก็ วันนี้ เรามีข้อแตกต่างและคุณสมบัติมาจำแนกให้เห็นกันอย่างละเอียด

มาดูกันว่า หากจะเลือกใช้สีสำหรับงานไม้ ต้องเลือกซื้อสีประเภทใด ใช้กับงานแบบใด จึงจะตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด    

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับสีทั้งสองประเภทนี้กันครับ

 

สีย้อมไม้ VS สีทาไม้
 
 

สีย้อมไม้ VS สีทาไม้

 

สีย้อมไม้คืออะไร

ในวงการก่อสร้างและตกแต่ง "สีย้อมไม้" มักจะหมายถึง "สีย้อมไม้วูดสเตน (Wood Stain) ที่มีฟิล์มสีโปร่งใส (ใสและมีสี : Transparent) ใช้สำหรับทาไม้ เพื่อรักษาสภาพเนื้อไม้ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หรือ ทาเพื่อซ่อมแซมให้งานไม้ที่ดูเก่า และทรุดโทรม กลับมามีสีสันสดใสเหมือนใหม่อีกครั้ง โดยเมื่อทาทับลงไปบนเนื้อไม้แล้ว ยังคงเห็นเนื้อไม้และลวดลายเดิมอยู่

สีย้อมไม้ นิยมใช้กับงานภายนอก หากนำไปใช้กับงานพื้นไม้ จะใช้ "สีย้อมพื้นไม้" หรือที่เรียกกันว่า Decking Stain
 

คุณสมบัติเด่นของสีย้อมไม้
1. ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ ทนทานต่อสภาพอากาศ
2. ใช้ปกป้องพื้นผิวของไม้ให้มีความสวยงาม ยืดอายุของไม้ให้ยาวนานขึ้น
3. กันน้ำซึมเข้าสู่เนื้อไม้ แต่ปล่อยให้น้ำระเหยออกจากเนื้อไม้ด้วย (สีทาไม้กันน้ำทั้งเข้าและออก แต่น้ำจะเข้าทางปลายไม้ ทำให้ไม้ผุอยู่ข้างในโดยสังเกตได้ยาก)
4. สีย้อมไม้มีความยืดหยุ่น เหมาะกับเนื้อไม้ที่ไม่ว่าจะยืด หรือหดตัว สีย้อมไม้ก็สามารถแทรกซึมเข้าไปได้

 

 

ผลิตภัณฑ์สีย้อมไม้ (สูตรน้ำมัน) "Solignum Timbertone" 
 
 

ผลิตภัณฑ์สีย้อมไม้ (สูตรน้ำมัน) "Solignum Timbertone" 

 

สีย้อมไม้มีสูตรอะไรบ้าง

1. สีย้อมไม้สูตรน้ำ เป็นสีย้อมไม้ที่ไม่ต้องผสมอะไรเพิ่มก็สามารถนำไปใช้งานได้เลย หรืออาจผสมน้ำเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย เมื่อทาลงไปบนงานไม้แล้วเนื้อฟิล์มจะมีความคงทนยึดเกาะกับไม้ได้ดี แห้งเร็ว และไม่มีกลิ่นฉุน เป็นสีที่มีความปลอดภัยสูง

2. สีย้อมไม้สูตรน้ำมัน โดยทั่วไปเป็นสีที่ต้องนำมาผสมกับทินเนอร์ก่อนใช้งาน ส่วนใหญ่แล้วจะผสมด้วยอัตราทินเนอร์ประมาณ 10% ต่อปริมาณสีที่ใช้  แต่สำหรับผลิตภัณฑ์สีย้อมไม้ (สูตรน้ำมัน) ของ "Solignum Timbertone" จะแตกต่างจากสูตรทั่วไป เพราะเป็นสูตรพร้อมใช้ในขั้นตอนเดียว โดยไม่ต้องผสมกับสารใดๆ อีก ทำให้ใช้งานได้สะดวก เมื่อทาทับลงบนงานไม้แล้วจะซึมลึกเข้าสู่เนื้อไม้ จึงเหมาะกับทั้งงานภายในและภายนอก เนื่องจากมีความทนทานต่อแสงแดด ลม และฝนได้ดีกว่า ซึ่งสีที่ได้หลังทาทับลงบนเนื้อไม้ จะค่อนข้างตรงกับสีที่เลือกไว้ ทับเพียง 2 ครั้งก็จะได้สีไม้ที่สวยตามต้องการ

 

"สีย้อมไม้" เมื่อทาแล้วยังเห็นลวดลายของไม้
 
 

"สีย้อมไม้" เมื่อทาแล้วยังเห็นลวดลายของไม้

 

วิธีการเลือกสีย้อมไม้นอกจากจะต้องเลือกระหว่างสูตรน้ำกับสูตรน้ำมันแล้ว เรายังต้องเลือกความเงา-ด้านของสีที่จะใช้ด้วย เพื่อให้เห็นลายไม้เดิมซึ่งสวยงามตามต้องการ

ประเภทของสีย้อมไม้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

1. สีย้อมไม้แบบใส (สีย้อมไม้แบบโปร่งแสง)

2. สีย้อมไม้แบบเงา (สีย้อมไม้แบบกึ่งโปร่งแสง)

3. สีย้อมไม้แบบกึ่งเงา (สีย้อมไม้แบบกึ่งเงากึ่งด้าน)

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับสีย้อมไม้ 

  • การทาสีประเภทนี้ต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์เพราะต้องทาอย่างต่อเนื่อง (มิฉะนั้นจะเห็นรอยทาบต่อOverlap)  โดยต้องทารีดสีไปตามลายไม้และหมั่นกวนสีในกระป๋องอยู่เสมอและควรทาทั้ง 6 ด้านของชิ้นงานด้วย
  • ทาโดยไม่ต้องรองพื้นใดๆ และห้ามใช้สีประเภทอื่นทับหน้าด้วย
  • เฉดสีที่ได้อาจจะไม่ตรงกับใน Catalog เพราะขึ้นอยู่กับสีของเนื้อไม้และจำนวนครั้งที่ทา (หากทาซ้ำบ่อยๆ สีก็จะเข้มขึ้นทีละน้อย)
  • สีประเภทนี้หากอยู่กลางแจ้งจะมีอายุการใช้งานประมาณ 2-4 ปี (สีเข้มจะมีอายุนานกว่าสีอ่อน) โดยเมื่อเริ่มเห็นฟิล์มสีชั้นบนเริ่มเสื่อมสภาพควรทำการปรับปรุงทาซ่อมแซมโดยใช้กระดาษทรายละเอียดขัดลูบแล้วทาทับหน้าใหม่สามารถทำเช่นนี้ได้ 2 - 3 ครั้ง

 

สีทาไม้
 
 

สีทาไม้

 

สีทาไม้คืออะไร

เป็นสีสำหรับเคลือบเงาทาไม้ และโลหะ เป็นสีประเภทอัลขีตเรซิน (Alkyd Resin Enamel) มีฟิล์มสีแบบทึบแสง (Opque) ที่จะปกปิดเนื้อไม้ และลายไม้ มีฟิล์มสีเงามัน (บางยี่ห้อมีชนิดกึ่งเงาให้เลือก) สีประเภทนี้โดยทั่วไปจะมีกลิ่นฉุนทั้งขณะที่ทา และทิ้งกลิ่นตกค้างอีกหลายวัน  ฟิล์มสีจะแห้งช้า ประมาณ 6-8 ชม.

 

คุณสมบัติเด่นของสีทาไม้
1. เหมาะสำหรับผิวไม้และโลหะต่างๆ 
2. ปกปิดพื้นผิวเดิม ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก ทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศได้ดีเยี่ยม
3. รักษาความเงางามและคงความสวยสดของสีได้ยาวนาน ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำ

 

สีทาไม้มีสูตรอะไรบ้าง
โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสูตรน้ำมัน แม้ว่าจะมีสูตรน้ำอยู่บ้าง ก็จะเป็น Acrylic Resin กลิ่นอ่อน แห้งเร็ว ฟิล์มสีไม่เหลืองตัวเหมือนสีทาไม้สูตรน้ำมัน


ข้อควรรู้เกี่ยวกับสีทาไม้

  • สีทาไม้สูตรน้ำมันจะมีอาการฟิล์มสีเหลืองตัว (สังเกตได้ง่ายหากเป็นสีขาว หรือสีโทนอ่อนๆ) 
  • การใช้กับงานไม้ภายนอก เมื่อถูกแดดและฝนจะมีอายุการใช้งานไม่ยาวนัก ด้วยไม้มีการยืดหดตัว และฟิล์มสีแบบทึบไม่สามารถยืดหดตัวตามได้
  • ก่อนทาสีทาไม้ ควรจะต้องทาสีรองพื้นไม้กันเชื้อราเสียก่อน

 

"สีทาไม้" เมื่อทาแล้วจะปกปิดพื้นผิวเดิม
 
 

"สีทาไม้" เมื่อทาแล้วจะปกปิดพื้นผิวเดิม

 

สรุปความแตกต่างระหว่าง สีย้อมไม้ vs สีทาไม้
 

  • สีย้อมไม้เป็นสีที่มีฟิล์มสีโปร่งใส (ใสและมีสี) ส่วนสีทาไม้เป็นสีที่มีฟิล์มสีทึบ
     
  • สีย้อมไม้มีประสิทธิภาพในการแทรกซึมเข้าไปในเนื้อไม้ได้ดีกว่าสีทาไม้ เพราะเมื่อไม้มีการยืดหรือหดตัวจะไม่ทำให้ฟิล์มสีเสียหาย ส่วนสีทาไม้ฟิล์มสีจะไม่สามารถยืดหดตัวไปตามเนื้อไม้ได้
     
  • สีย้อมไม้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการโชว์ลายไม้ เพราะสามารถย้อมสีให้ใกล้เคียงสีไม้ธรรมชาติได้มากที่สุด ส่วนสีทาไม้สูตรน้ำมัน เป็นการลงสีเพื่อปกปิดพื้นผิวไม้

 

 

การแตกร่อนของฟิล์มสีทาไม้
 
 

การแตกร่อนของฟิล์มสีทาไม้

 

สรุปการเลือกใช้งานระหว่าง สีย้อมไม้ vs สีทาไม้

จากข้อมูลคุณสมบัติของสีทั้งสองชนิดข้างต้น คงจะทำให้ได้คำตอบกันไปไม่มากก็น้อยแล้วว่างานของเรานั้นน่าจะเหมาะกับสีชนิดใด ทั้งนี้ หลักๆ ก็คงขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้ไม้ที่ทาเป็นอย่างไร หากต้องการให้เห็นลายไม้ชัดเจนแบบฟิล์มสีใส โชว์ลายไม้ ก็เหมาะสมกับสีย้อมไม้ แต่หากต้องการให้ไม้มีสีสันตามต้องการ หรือต้องการปกปิดลายไม้ ให้เลือกใช้สีทาไม้ โดยสีทั้งสองชนิดนี้สามารถปกป้องเนื้อไม้ได้ทั้งคู่ แต่จะมีคุณสมบัติเด่น-ด้อย แตกต่างกันไปตามที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด

 

ทั้งนี้สิ่งสำคัญอีกประการในการเลือกใช้งานไม่ว่าจะเป็นสีทาไม้ หรือ สีย้อมไม้ ก็คือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างกันไปตามเกรดและราคา แต่สำหรับผลิตภัณฑ์สีย้อมไม้ (สูตรน้ำมัน)  "Solignum Timbertone" นั้นได้รับการออกแบบมาอย่างดี ด้วยสูตรอณูละเอียด microporous ทำให้สีซึมเข้าไปในเนื้อไม้ และไม่ทำให้พื้นผิวของฟิล์มสีแตกร่อน ป้องกันรังสียูวี ใช้ทาย้อมไม้เพื่อให้ได้เฉดสีที่ต้องการ และยังคงลวดลายที่สวยงามของไม้ตามธรรมชาติไว้ได้ดังเดิม

 

 

Engine by shopup.com